|
ในช่วงหน้าฝนแบบนี้การเลือกดอกอย่างเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความปลอดภัย ของผู้ใช้รถเป็นอย่างมากซึ่ง เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันจึงขอจะกล่าวถึงเล็กน้อย ตัวแท่ง ๆ บนหน้ายาง เรียกว่า "ดอกยาง" ส่วนช่องว่างระหว่างดอกเรียกว่า "ร่องยาง"
ซึ่ง หลายท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ดอกยางรถยนต์มีไว้เพื่อเกาะถนน ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมดเสียทีเดียวจะสังเกตได้จากการแข่งรถทางเรียบที่ใช้ความ เร็วสูงทั้งหลายมักจะใช้ยางที่ไม่มี "ดอกยาง" และ "ร่องยาง" เลยเพราะ ยางหัวโล้นจะมีพื้นที่หน้ายางสัมผัสกับถนนมากกว่าทำให้เกาะถนนได้ดีกว่า เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าดอกยางรถยนต์มีไว้เพื่อรองรับทางขรุขระและถนนที่ เปียกโดยร่องยางมีไว้เพื่อเป็นทางเดินของน้ำ หรือที่เราพูดกันว่า "รีดน้ำ"
สำหรับยางรถยนต์ที่เราใช้งานทั่ว ๆ ไป จำเป็นต้องมีดอกยางเพราะการขับรถในถนนต้องเจอทุกสภาพของถนน ทางขรุขระ หรือทางเปียกน้ำ ดอกยางจะช่วยไม่ให้รถร่อนหรือไถลเลื่อนบนทางขรุขระและทางเปียกน้ำ
ปัจจุบัน มีลายดอกยางรถยนต์ให้เลือกมากมายนับไม่ถ้วน หากแบ่งลายดอกยางรถยนต์โดยคำนึงถึงทิศทางการเคลื่อนที่สามารถแบ่งได้ใน 2 ลักษณะ คือ
1. ดอกยางรถยนต์แบบ 2 ทิศทาง เป็น ลักษณะของลายดอกยางรถยนต์ที่จะสามารถสลับยางรถยนต์ได้ในทุกตำแหน่งล้อของรถ ลักษณะดอกยางรถยนต์ทั้ง 2 ด้าน จะสวนทิศทางกัน หากเป็นการขับขี่ทั่วไป ไม่เน้นความเร็วสูง ดอกยางลักษณะนี้สามารถตอบสนองความต้องการได้แบบครอบคลุมอย่างดีเยี่ยม
2. ดอกยางรถยนต์แบบทิศทางเดียว ลาย ของดอกยางรถยนต์จะถูกบังคับให้หมุนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น โดยมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนอยู่ที่แก้มยางรถยนต์ทั้ง 2 ด้าน จุดเด่นของดอกยางรถยนต์แบบทิศทางเดียว คือสามารถไล่น้ำออกจากหน้ายางรถยนต์ได้รวดเร็วกว่าแบบ 2 ทิศทางป้องกันอาการเหินน้ำเป็นอย่างดี
ดังนั้นการสลับยางรถยนต์จะสลับได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น เช่นสลับด้านหน้าขวากับหลังขวาหรือด้านหน้าซ้ายกับหลังซ้ายเว้นแต่จะถอดตัว ยางรถยนต์ออกจากกระทะล้อเดิมไปใส่กับกระทะล้อฝั่งตรงกันข้าม แต่ต้องจัดวางทิศทางการหมุนของดอกยางรถยนต์ให้ถูกต้องเช่นเดิม มิเช่นนั้นแล้วจะทำให้ทิศทางการหมุนของยางรถยนต์ เปลี่ยนกลับทิศทางทำให้ประสิทธิภาพของยางรถยนต์ลดลง
เมื่อ รู้เช่นนี้แล้วเมื่อจะเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ก็ลองพิจารณาดูตามความต้องการและ สภาพพื้นที่ เพื่อความคุ้มค่าแก่เงินที่ต้องจ่ายไปครับ
|
